วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2555

ชมพิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์ (คุกเก่า)


ใครรู้จักพิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์หรือที่เรียกกันว่าคุกเก่าบ้าง ได้มีโอกาสไปชมพิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์รตรงสวนลมมณีนาถ ซึ่งเค้าจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้ามาบรรยากาศข้างใน จะมีภาพการจำลองวิธีการประหารในอดีตจนถึงปัจจุบัน 


 








บริเวณรอบๆ


อาคารแดน 9 เรือนนอนของผู้ต้องขัง


กลองที่ใช้ตีบอกเวลาในช่วงกลางคืนของเรือนจำ


ภาพวิธีการทำโทษของสมัยโบราณ เช่น การใช้หอกแทงหัว การเผาทั้งเป็น การตัดมือตัดเล็บเท้า เป็นต้น



โครงกระดูกของนักโทษที่ถูกประหารโดยการยิง


ศาลเพียงตา


ต่อไปจะมาดูวิธีการประหารนักโทษตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันว่ากัน ตอนที่ขึ้นไปดูรู้สึกเหมือนเห็นภาพจริงมาก ดูแล้วไม่กล้าที่จะทำความชั่วเลย

การประหารชีวิตด้วยการกุดหัวหรือตัดหัว
วีธีการกุดหัวนักโทษเป็นวิธีที่ใช้เป็นวิธีแรกโดยเพชฌฆาตจะใช้ดาบฟันที่คอของนักโทษ หลังจากที่ถูกฟันคอแล้วก็จะถูกนำหัวมาเสียบประจาน


การประหารนักโทษด้วยวิธียิงเป้า
วิธีการยิงเป้านักโทษจะถูกมัดด้วยด้ายดิบ ให้ยืนหันหน้าเข้าหลักประหารซึ่งมีไม้นั่งคร่อมเพื่อป้องกันมิให้นักโทษยืนตัวงอหรือเข่าอ่อน ข้อมือทั้งสองผูกมัดติดหลักประหารในลักษณะประนมมือและกำดอกไม้ธูปเทียนไว้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะทำการเล็งปืนให้้ตรงกับจุดหัวใจของนักโทษ



การประหารนักโทษด้วยวิธีฉีดยา
วิธีการฉีดยานี้เป็นวิธีการประหารนักโทษที่ใช้ในปัจจุบัน นักโทษจะต้องนอนบนเตียงประหารนี้ จะถูกตรึงและผูกด้วยสายหนังทั้งขา ลำตัวและแขนทั้งสองข้าง ทำให้ไม่สามารถดิ้นได้ จากนั้นก็จะทำการฉีดยาเข้าเส้นเลือดใหญ่ทีีหลังมือทั้งสองข้างของนักโทษ


ถ้าใครได้มาชมพิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์เหมือนกับเค้าจะมีความรู้สึกเดียวกันว่าน่ากลัวและไม่กล้าที่จะทำความชั่ว พิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์จะเปิดให้เข้าชมวันจันทร์ - เสาร์ เวลา 8.30 - 16.30น. แต่ถ้าใครที่อยากจะมาวันอาทิตย์ก็ได้แต่ต้องเสียค่าบริการให้กับวิทยากรนิดหน่อยค่ะ












ร้านมนต์นมสด


ได้ไปกินร้านมนต์นมสด  อยู่ตรงข้ามศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร แถวๆเสาชิงช้า ร้านมนต์นมสดนี้มีชื่อเสียงมายาวนาน เพราะรสชาติและกลิ่นหอมของนมแท้ๆ ชวนให้น่าดื่มบวกกับขนมปังก็ยังนุ่มอร่อยอีกด้วย และที่สำคัญก็มีดารามากมายมากินที่ร้านมนต์นมสดนี้ แบบนี้จะไม่ดังได้ยังไงค่ะ

หน้าร้านมนต์นมสด

บรรยากาศภายในร้าน

ภายในร้านจะมีรูปถ่ายดาราที่มากินร้านมนต์นมสด

ขนมปังสังขยาใบเตย เนยนมน้ำตาลและนมสดเย็นจร้า


 อร่อยจัง

สำหรับใครที่อยากจะไปร้านมนต์นมสดแบบนี้บ้างไม่ยากเลยร้านนี้อยู่ตรงถนนดินสอ ตรงข้ามกับศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร หาไม่ยากเลย ร้านจะเปิดเวลา 14.00 - 23.00 น. วันศุกร์-เสาร์ จะเปิดเวลา 14.00 - 24.00 น. กินกันให้จุใจกันไปเลยนะค่ะ







รักนะอัมพวา

ครั้งหนึ่ง...ที่อัมพวา

ครั้งนึงเคยได้ไปตลาดน้ำอัมพวาก็รู้สึกติดใจกับบรรยากาศตลาดน้ำแบบพื้นบ้านและอาหารอร่อยๆที่นี่อยากให้เพื่อนๆได้มีโอกาสไปเที่ยวอย่างเค้าบ้าง ตลาดน้ำอัมพวาอยู่ที่จังหวัดสมุทรสาครนี่เอง ถึงแม้ว่าตอนที่ไปจะเป็นช่วงบ่ายๆคนไม่เยอะสักเท่าไหร่ ใจจริงอยากจะอยู่พักและชมหิ่งห้อยสักคืนแต่เสียดายที่ไม่มีเวลาว่างเลยต้องไปเช้าเย็นกลับ วันนี้เลยนำภาพบรรยากาศทั้งของกิน ขนม และของฝากจากอัมพวามาฝากกัน


ร้อนๆแบบนี้กินไอติมก่อนดีกว่า






ขนมไทยสีสันสดใส

วุ้นในเปลือกไข่สีสันน่ารักมาก แต่ไม่ได้ลองชิม น่าเสียดาย


กุ้งเผา ปลาหมึกเผาตัวโตๆ ดูซิน่ากินมั้ย






ละสุดท้ายขโมยเสื้อมากฝากจร้า...

สำหรับคนที่อยากจะไปเที่ยวที่ตลาดน้ำอัมพวาแบบนี้บ้าง ไม่ยากเลยคือ ตลาดน้ำอัมพวาจะเปิดทุกวันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป จะไปช่วงเวลาบ่ายเหมือนเค้าก็ได้คนจะไม่ค่อยเยอะแต่ร้อนนิดนึง ตอนที่เค้าไปเหมารถแท็กซี่ไปเพราะยังไม่รู้ว่าจะนั่งรถสายอะไรไปแต่ขากลับนั่งรถตู้กลับซึ่งรถตู้จะจอดอยู่ตรงใต้สะพานมองหาดูไม่ยาก
1.ทางรถยนต์ 
จากตัวจังหวัดใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 325 ทางเดียวกับไปอำเภอดำเนินสะดวกและอุทยาน ร.2 ประมาณ 6 กม ก่อนถึงสามแยกไฟแดง มีทางแยกทางซ้ายเข้า อ.อัมพวา ไปอีกประมาณ 800 เมตร. ทางแยกซ้ายมือ เข้าตลาดอัมพวา จอดรถบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภออัมพวา
2.รถประจำทาง
จากสถานีขนส่งสายใต้ รถสาย 996 กรุงเทพฯ-ดำเนินฯ เป็นรถปรับอากาศ ผ่านจังหวัดสมุทรสงคราม ถึง ตลาดอัมพวา สาย 976 กทม.-สมุทรสงคราม ถึงสถานีขนส่งสมุทรสงคราม ขึ้นรถประจำทางสาย 333 แม่กลอง-อัมพวา-บางนกแขวก ถึงตลาดอัมพวา
3.รถตู้
ขึ้นที่อนุสาวรีย์ชัยฝั่งถ.พหลโยธินใต้ทางด่วน ไปอัมพวาด้วยนะครับเป็นรถตู้สาย กทม-แม่กลอง  ค่ารถขาไป 70 บาท  ตั้งแต่ 6.25-20.00 น. ค่ารถขากลับ 60 บาท  ตั้งแต่  5.30-19.00  น. (รถจอดแถวตลาดแม่กลอง) ลงที่ตลาดแม่กลอง แล้วเดินมาแถวตลาดจะมีคิวรถสองแถวสายที่ไปโรงเจตรงตลาดน้ำอัมพวา ค่ารถ 10 บาท



สุขใจที่ได้มาเยือนอัมพวา




วัดราชนัดดารามวรวิหาร


     วันนี้นั่งรถเมล์ผ่านเห็นวัดราชนัดดา เลยแวะลงไปไหว้พระและเช้าไปชมความงามของโลหะปราสาทที่เป็นจุดเด่นของวัดราชนัดดารามวรวิหารสักหน่อย พอดีตรงกับวันที่ทางวัดจัดให้เข้ามาชมนิทรรศการโลหะปราสาทได้ฟรี
        เดิมที วัดราชนัดดารามวรวิหาร (วัดราชนัดดา) เป็นวัดสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ใกล้กับป้อมมหากาฬ ติดกับลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ซึ่งเป็นพลับพลารับแขกเมือง เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ทรงสร้างบนสวนผลไม้เก่าเนื้อที่ประมาณ ๒๕ไร่ เพื่อพระราชทานเป็นเกียรติแก่พระราชนัดดา คือ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าหญิงโสมนัสวัฒนาวดี (ซึ่งภายหลังเป็นพระมเหสีในรัชกาลที่ ๔) โดยทั้งสองพระองค์เสด็จวางศิลาฤกษ์เมื่อ พ.ศ. ๒๓๘๙ จุดเด่นของวัดนนี้อยู่ที่โลหะปราสาท ซึ่งสร้างโดยพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว 






ชั้นล่างสุดมีการจัดแสดงนิทรรศการเรื่องประวัติวัดและโลหะประสาท มีสื่อต่างๆให้เข้าชม



 รูปจำลองโลหะปราสาท






ชั้นที่ 1 ที่ขึ้นไปจะเป็นจุดให้นั่งอ่านหนังสือ




ชั้นที่ 2 จัดเป็นชั้นให้เดินจงกลม



ชั้นที่ 3 เป็นชั้นให้นั่งสมาธิ





ชั้นที่ 4 จะเป็นชั้นพระอริยถึงบุคล ก็คือ เราได้ผ่านจากการทำศีล สมาธิ และปัญญามาแล้ว

 



เดินทางมาถึงชั้นบนสุดของโลหะปราสาทแล้วขอเล่าบรรยากาศชั้นนี้หน่อย คือ นอกจากเป็นที่ตั้งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐาน ณ พระเจดีย์บุษบกโลหะปราสาทสำหรับสักการะแล้ว ยังมองเห็นวิวเกาะรัตนโกสินทร์ได้โดยรอบ ๆ จุดนี้จะเป็นจุดที่คนไทยและชาวต่างชาติที่มาเยี่ยมชมชอบที่สุดเพราะจะมองเห็นรอบๆเกาะรัตนโกสินทร์และสามารถถ่ายรูปได้ ตอนที่ขึ้นไปถึงชั้นบนสุดแล้วมองลงมาข้างล่างขามันรู้สึกสั่นๆจังหรือเป็นเพราะกลัวความสูง แต่อยากบอกว่าวิวบนนี้สวยมากจริงๆ

เย้!!!ถึงสักที

บรรยากาศรอบๆเกาะรัตนโกสินทร์ สวยมั้ย

ชมวิวจุดบนสุดของโลหะปราสาท